วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาหาร 10 อย่าง...ที่ไม่ควรทาน



เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนครับ ได้แก่
๑. ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว..การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง ขาดแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกผุได้
๒. ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอแห้ง เจ็บคอ
๓. เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง
๔. ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูงเป็นโรคหัวใจง่าย
๕. ตับหมู ๑ กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า ๔๐๐ มก. ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็ง ตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ , หลอดเลือดทางสมอง, มะเร็ง
๖. ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลน
๗. บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสารอาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
๘. เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้
๙. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค...และมีสารย่อย โปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
๑๐. ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน ๖ กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์
"จำไว้ด้วยนะจ๊ะ"

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554


"ไข่"เป็นอาหารที่เพียบพร้อมด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมายหลากหลาย

ทั้งราคาก็ถูกปรุงเป็นอาหารอะไรก็ดูน่ากินไปหมด

นอกจากนี้ไข่ยังเป็นอาหารที่เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูก

แต่มีข้อแม้ว่า ต้องรับประทานในช่วงเช้าขณะที่ท้องกำลังว่างเท่านั้น

และไข่ที่รับประทานก็จะต้องเป็นไข่ลวก หรือไข่ที่ต้มไม่นาน เพียง 2-3 นาที ในน้ำเดือด ๆ

ซึ่งรับรองว่า หากได้รับประทานไข่ต้มดังกล่าวไปสัก 1-2 ฟอง

อาการท้องผูกที่ขมวดเป็นเงื่อนปมมาหลายวัน จะขับถ่ายออกได้อย่างง่ายดายทันที

ทั้งนี้ เพราะไข่ลวกมีเอนไซม์บางอย่างที่จะไปช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงาน

Facebook

http://www.facebook.com/login/setashome.php?ref=genlogin#!/
เสียงเห่าสุนัข...บอกอะไรเราได้บ้าง
สำหรับสุนัข การเห่า คือการสื่อสาร สังเกตได้ว่าในการเห่าแต่ละครั้งจะมีโทนเสียงที่ต่างกัน มีสั้นยาวไม่เท่ากัน

รวมถึงความถี่และจำนวนครั้งที่แตกต่างกัน และนั่นก็เป็นคำพูดที่เขาต้องการใช้สื่อสารให้คุณรับรู้อีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมของสุนัข ได้ทำการแยกประเภทและความหมายของเสียงเห่าแต่ละชนิดไว้ ดังนี้

การเห่าสั้น ๆ 2-3 ครั้งเป็นการทักทายกันยามปกติ...เช่นเมื่อคุณกลับเข้าบ้าน

หรือเมื่อเจอกันตอนเช้าหลังตื่นนอน เป็นต้น

แปลความหมายได้ว่า.. "สวัสดีเจ้านาย"

การเห่าเป็นชุด ๆ ละ 3-4 ครั้ง แล้วหยุดเป็นระยะเป็นการชักชวนให้คุณมาดูอะไรบางอย่าง...

แปลความหมายได้ว่า..."มาดูอะไรนี่สิ"

การเห่าเร็ว ๆ ติด ๆ

เป็นการเตือนภัยว่าจะมีอะไรเข้ามาใกล้ หรือในเวลาที่หมาน้อยมองเห็น ได้กลิ่นของคนแปลกหน้า

มีความหมายว่า "ระวังนะ!!! กำลังมีอันตรายเข้ามาใกล้เราแล้ว..."

แต่ถ้าโทนเสียงต่ำ ๆ ติด ๆ ละก็มีความหมายว่า "อันตรายมาถึงแล้วนะ" หรือเป็นการขู่คนร้ายว่า

"อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวกัดเลย"

เห่าแล้วหยุด...เห่าแล้วหยุด ติดต่อกันเป็นเวลานานเป็นการบอกว่า "เหงาจัง" มาเล่นเป็นเพื่อนหน่อยซิ

การเห่าครั้งเดียวสั้น ๆ หากคุณหรือใครอื่นกำลังยุ่งวุ่นวายกะเค้าอยู่แล้วมีการเห่าสั้น ๆ ขึ้นนั้น

มีความหมายว่า "รำคาญนะ อย่ามายุ่ง อยากอยู่คนเดียว"

แต่ถ้าไม่มีใครวุ่นวายกะเค้าอยู่ละก้อ...มีความหมายว่า "อยากเข้าห้องน้ำ หรือหรือถึงเวลาให้อาหารแล้ว"

การเห่าติดต่อกันนาน ๆ ถ้าเป็นลูกสุนัขไม่มีอะไรมากหรอก..เขาแค่ต้องการให้คุณอยู่ใกล้ๆ

และสนใจตลอดเวลา ประมาณว่าออดอ้อนอะไรทำนองนั้น

การเห่ารัว ๆ และดังขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการบ่งบอกว่าเค้าตื่นเต้น และกำลังสนุกจริง ๆ

test